วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ขอต้อบรับสู่บล็อก my photo

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ บล็อกmy photo เขียนขึ้นเพื่อนำเรื่องเล่าการไป trip ต่างๆของผมมาเล่าสู่กันฟัง ให้เพื่อนๆได้ดูได้เห็นโลกให้กว้างขึ้น โดยผมจะเน้นการเล่าเรื่องผ่านภาพถ่ายเป็นหลัก เพราะ "ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดเป็นพันคำ" และโดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบการถ่ายภาพมาก เวลาไปไปtrip ที่ไหนหรือมีภาพสวยๆ ก็จะนำมาแบ่งปันกันน่ะครับ

>>>มาอ่าน มาชมภาพกันแล้ว ก็อย่างลืมcomment กันด้วยนร้าครับ 

ปาย อิน เลิฟ >>>ผู้พิชิต 762 โค้ง)))

วันที่ 28 ม.ค.54
ตามลอยภาพยนตร์เรื่องปาย อิน เลิฟ
>>>>>>>เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสได้ไปที่อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยากจะบอกว่า
อำเภอปายร้อนมากครับ ผมผิดหวังเล็กๆ(เราอุสาห์เอาเสื้อกันหนาวไปซะเยอะ ไม่ได้ใช้เลยครับ)
แต่เป็นธรรมชาติดีครับอยู่ทามกลางหุบเขา สวยงามครับ เช่นเดิมครับ มาปายทั้งทีผมก็มีเวลาน้อยอีก
มาอยู่ได้ไม่ถึงวันกับอีกหนึ่งคืน(มาถึงปายบ่ายๆออกเดินทางเช้ามาก) มีเวลาถ่ายภาพไม่มากเลยภาพส่วนใหญ่จึงไม่มีเวลาที่จะมานั่งปรับอะไรมากมาย เรียกได้ว่าแทบไม่ได้เล็งอะไรเลยครับ คว้ากล้องมาถ่ายแบบรวดเร็ว ไกด์ก็เรียกขึ้นรถไปที่อื่นแล้ว อย่างเช่นที่ coffee in love ผมมีเวลาอยู่ที่นั้น สามสิบนาที
แค่ยืนต่อแถวซื้อกาแฟก็นานแล้ว นั่งดืมอีกแป็ป ถ่ายที่ป้าย coffee in love ได้ภาพเดียว ไกด์เรียกขึ้นรถล่ะ
ผมยังไม่มีเวลาได้ถ่ายรูปวิวอะไรสักเท่าไหร่เลย (ผมล่ะเซ็งมากเลยครับ) ตั้งใจมาเอาพระอาทิตย์สวยๆที่เมืองปายมาฝากเพื่อนสักรูป สองรูปอดเลยครับ  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ภาพเลยน่ะครับ ยังได้ภาพสวยๆมาฝากเพื่อนอย่างเดิม แค่ยังถ่ายภาพยังไม่สะใจช่างภาพอย่างผมเท่านั้นเอง  จริงๆผมยังมีเรื่องที่จะเล่าให้เพื่อนๆฝังเยอะเลยครับเกี่ยวกับการไปปายครั้งนี้ แต่บล็อกของเราเป็นล็อกที่อธิบายเล่าเรื่องด้วยภาพมากกว่า ผมก็หยุดการเล่าเรื่องไว้เพียงเท่านี้น่ะครับ  ถึงกระนั้นผมอยากบอกว่าปาย เป็นเมืองที่สวยงามท่ามกลางหุบเขาครับ อยากให้เพื่อนมาเที่ยวกัน
 >>>นำไปชมภาพถ่ายที่ผมนำมาฝากเพื่อนๆกันครับ อย่างคำที่มีคนกล่าวไว้ว่า ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดได้นับพันคำจริงๆๆครับ

ลำแสงยามเช้า

จุดชมวิวเขากิ่วลม

วิวหลังcoffee in love

coffee in love

สะพานประวัติศาสตร์

ลำแม่น้ำปาย

รถไม้คันแรกของไทย

แสงสุดท้าย

ทะเลบนฟ้า

ถนนคนเดินปาย

ถนนคนเดินปาย

ถนนคนเดินปาย

ถนนคนเดินปาย

ถนนคนเดินปาย

สะบายดีปีใหม่"ເມືອງຫຼວງພະບາງ"

>>>ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่หลวงพระบาง ประเทศลาว ผมได้ความประทับใจต่างๆกลับมาอย่างมากมายและจะไม่ลืมเมืองนี้ไปชั่วชีวิต เมืองที่เป็นมรดกโลกทั้งเมือง เมืองที่สวยงาม เมืองที่มีแต่ความสุขรอยยิ้ม เมืองที่ชื่อ "หลวงพระบาง"

ก่อนที่เราจะไปชมภาพความประทับใจ ผมขอนำประวัติเมืองหลวงพระบางมาเล่าให้ฟังคราวๆก่อนน่ะครับ


ເມືອງຫຼວງພະບາງ
หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง ตั้งแต่สมัยสถาปนาอาณาจักร ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่าเมืองซวา (ออกเสียงว่า ซัว) และเมื่อ พ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึ่งถือเป็น ปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่าเชียงทอง
เมื่อพระเจ้าเจ้างุ้ม (พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1916) เสด็จกลับจากกัมพูชา อันเนื่องจากพระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์ องค์ก่อน ซึ่งแท้จริงก็คือพระอัยกาของเจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง เจ้าฟ้างุ้มทรงรวบรวมกำลังขณะอยู่ในเสียมเรียบ และนำกองทัพนับพันกำลังเพื่อกู้ราชบัลลังก์กลับคืน และสถาปนาอาณาจักรขึ้น ต่อมาในสมัยพระโพธิสารราชเจ้าพระองค์ได้อาราธนาพระบางซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำ ขึ้นมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวง เมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่า หลวงพระบาง นับแต่นั้นมา

(บรรยากาศมุมสูงของเมืองหลวงพระบาง)

ไกด์เล่าให้ผมฟังว่า เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองที่อยู่กลางหุบเขาคือมีเทือกเขาล้อมรอบและมีแม่น้ำสองสายไหลผ่านคือ แม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน มีเขาหนึ่งลูกอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์ ชื่อ พระธาตุพูสี ซึ่งสวยงามมาก

(พระธาตุพูสีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองหลวงพระบาง)


การเดินทางของผมไปทางเรือโดยขึ้นเรือจากฝั่งไทยที่เชียงของล่องตามน้ำไปสู่หลวงพระบางโดยใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ระหว่างทางก็จะได้ชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงที่สวยงามเป็นธรรมชาติทั้งฝั่งไทยและลาว

(เรือล่องแม่น้ำโขง)
  การไป tripหลวงพระบางของผมในครั้งนี้ไปสี่วัน แต่ได้อยู่หลวงพระบางแค่สองวันกับหนึ่งคืน(ยังถ่ายรูปได้ไม่หน่ำใจเลยก็ต้องกลับซะแล้ว) เพราะเวลาส่วนใหญ่ต้องล่องเรือ ซึ่งมันเป็นเวลาที่น้อยไป ผมเที่ยวในเมืองหลวงพระบางยังไม่สะใจเลย (ยังไม่มีเวลาเช่าจักรยานปั่นรอบเมืองเลย) ถ้าอยากเที่ยวเมืองหลวงพระบางแบบเต็ม ได้ดื่มด่ำธรรมชาติ ได้ดูวิถีชีวิตของชาวเมืองแบบเต็มๆ ต้องมาอยู่ที่นี้สักหนึ่งอาทิตย์ครับ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดของผมจึงต้องจำใจลาจากเมืองนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

>>> เอ่อ เมืองหลวงพระบางก็มีสนามบินน่ะครับจากสุวรรณภูมิก็มี ใครไม่อยากเสียเวลาเดินทางก็มาเครื่องบินจะสะดวกมากครับ(ประหยัดเวลาด้วย)  ไกด์แนะนำอย่างมาทางรถน่ะครับเพราะทางไม่ดีโค้งไปโค้งมา ใช้เวลาเป็นวันเลยกว่าจะถึงเพราะเพื่อนๆต้องนั่งจากเวียงจันทน์มา(ลำบากมากครับจริงๆ)
ใครที่ไม่นั่งเครื่องบินมา แนะนำว่านั่งเรือจากเชียง เชียงราย อย่างผมไปจะดีกว่าถึงจะใช้เวลาเป็นวันๆอยู่บนเรือแต่เพื่อนๆจะสนุกและไม่เบื่อเลยครับ ทุกท่านจะเหมือนถูกสะกดด้วยมนตราธรรมชาติแห่งแม่น้ำโขงและตลอดสองฝั่งแม่น้ำ(ผมว่าเสียเวลาแต่คุ้มมากจริงๆครับ)

>>สุดท้ายนี้ก่อนที่ผมจะพาทุกท่านไปชมรูปความประทับใจแบบเต็มๆที่ได้คัดเลือกมาให้ดูเป็นบางส่วนนั้น(ที่นำมาบางส่วนนั้นเพราะจะอัพให้ทุกชมทุกภาพคงไม่ไหวDDเยอะเกิน55)ผมอยากเชิญชวนทุกท่านให้เที่ยวเมืองหลวงพระบาง เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านได้มาที่นี่  มันจะเป็นภาพความประทับใจที่จะติดอยู่ในความทรงใจของทุกท่านอย่างไม่มีวันลืม!!!!!!!!!!!!!!


(ดวงอาทิตย์อัสดงแรกของปี 2554)

  (บรรยากาศผู้คนถ่ายดวงอาทิตย์ตกในวันฟ้าแรกของปี)
 

(สองฝั่งโขง)
 
(ไกด์ลาวสาวสวย น้อยและคำล่า)
(วิถีชีวิตชาวเมืองหลวงพระบาง)